ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการส่งสินค้าทั่วไป
1. คำจำกัดความ
คำศัพท์ต่อไปนี้ใช้ในข้อกำหนดและเงื่อนไขจะมีความหมายตามที่กำหนดไว้ด้านล่าง ยกเว้นระบุไว้เป็นอย่างอื่นหรือบริบทอื่น
1.1. “ผู้ขนส่ง” หมายถึง บริษัท นิ่มเอ็กซ์เพรส จำกัด
1.2. “ผู้ส่งสินค้า” หมายถึง บุคคลที่มีชื่อระบุเป็นผู้ส่งสินค้าบนบรรจุภัณฑ์และใบนำส่งสินค้า
1.3. “ผู้รับสินค้า” หมายถึง บุคคลที่มีชื่อระบุเป็นผู้รับสินค้าบนบรรจุภัณฑ์และใบนำส่งสินค้า
1.4. “ผู้ส่ง” หมายถึง บุคคลที่ส่งสินค้ากับผู้ขนส่ง
1.5. “ผู้รับ” หมายถึง บุคคลที่รับสินค้าจากผู้ขนส่ง อาจจะเป็นผู้รับสินค้าเองหรือบุคคลอื่น ณ ที่อยู่ผู้รับสินค้า
1.6. “สินค้า” หมายถึง สิ่งของที่ผู้ส่งสินค้าได้บรรจุลงบรรจุภัณฑ์และนำส่งผู้ขนส่ง
1.7. “บรรจุภัณฑ์” หมายถึง กล่องกระดาษ ถุงกระสอบ ลังไม้ พาเลทหรือถัง เทปกาว เชือกมัด ฟาง พลาสติกแร็ปวัสดุกันกระแทก ที่นำห่อหุ้มสิ่งของให้มิดชิด ก่อนนำส่งผู้ขนส่ง
1.8. “ใบนำส่งสินค้า”หมายถึง เอกสารที่ผู้ขนส่งสินค้าออกให้แก่ผู้รับสินค้าเพื่อเป็นหลักฐาน การรับขนส่งสินค้าให้เป็นไปตามข้อตกลง
1.9. “ข้อตกลงและเงื่อนไข” หมายถึง ข้อตกลงและเงื่อนไขในการขนส่งฉบับนี้ รวมถึงที่อาจได้รับการแก้ไขหรือเพิ่มเติมโดยเราเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะอยู่ในเอกสารฉบับนี้ หรือเอกสารอื่นใด
2. การยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขของบริษัท
เมื่อส่งสินค้าให้ผู้ขนส่งถือว่าผู้ส่งสินค้ายอมรับข้อกำหนดในนามผู้ส่งผู้รับและบุคคลอื่นที่มีหรืออ้างว่ามีส่วนได้เสียกับสินค้าซึ่งผู้ส่งและบุคคลดังกล่าวจะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
3. มาตรฐานการส่งสินค้า
3.1. บริการจัดส่งถึงที่
3.1.1. ความกว้าง ความยาว ความสูง แต่ละด้านไม่เกิน 170 เซนติเมตร
3.1.2. ผลรวมของความกว้าง ความยาวและความสูง ไม่เกิน 280 เซนติเมตร
3.1.3. น้ำหนักของพัสดุไม่เกิน 50 กิโลกรัม
3.2. บริการจัดส่งที่สาขา (ลูกค้าติดต่อเข้ารับสินค้าที่สาขา)
3.2.1. ความกว้าง และความสูง แต่ละด้านไม่เกิน 240 เซนติเมตร
3.2.2. ความยาวไม่เกิน 600 เซนติเมตร
3.2.3. ผลรวมของความกว้าง ความยาวและความสูง ไม่เกิน 1,080 เซนติเมตร
3.2.4. น้ำหนักของพัสดุไม่เกิน 100 กิโลกรัม
3.3. รถจักรยานยนต์
3.3.1. ขนาดไม่เกิน 125 CC (จัดส่งภายใน 7 วัน)
4. สินค้าต้องห้ามที่ไม่รับขนส่งทุกกรณี
4.1. สินค้าต่อไปนี้ถือว่าเป็นสินค้าต้องห้ามและผู้ส่งสินค้าตกลงที่จะไม่ส่งสินค้า
4.1.1. สิ่งผิดกฎหมาย อาวุธ สิ่งเทียมอาวุธปืน สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ วัตถุและสื่อลามก
4.1.2. สิ่งเสพติด บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ และ สินค้าประเภทแอลกอฮอล์
4.1.3. สารเคมี ยาพิษ วัตถุอันตราย วัตถุไวไฟ น้ำแข็งแห้ง แบตเตอรี่ แก๊ส ถังแก๊ส กระป๋องแก๊ส (เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบริษัท และพนักงาน)
4.1.4. ต้นฉบับเอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ ต้นฉบับเอกสารราชการ จดหมาย หรือเอกสารที่มีข้อมูลซึ่งเป็นความลับ
4.1.5. เช็ค บัตรเครดิต บัตรเดบิต และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน
4.1.6. สัตว์ สิ่งมีชีวิต ซากพืช ซากสัตว์ ซากมนุษย์
4.1.7. สินค้าที่มีมูลค่าสูง เครื่องประดับ ของสะสม วัตถุมงคลหรือสินค้าที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้
4.1.8. สินค้าที่ไม่สามารถชดเชยได้ (ใบเสร็จต่างๆ บิลค่าสินค้า ใบเสร็จค่าสินค้าและบริการต่างๆ คูปอง บัตรกำนัล และบัตรสมนาคุณ ตั๋วคอนเสิร์ต บัตรงานกิจกรรมต่างๆ ของที่ระลึก เป็นต้น)
4.1.9. สินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ไม่แข็งแรงหรือสินค้าบรรจุหีบห่อไม่เหมาะสม
4.2. ผู้ส่งต้องไม่ส่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย สารเคมี วัตถุไวไฟ วัตถุอันตราย หรือสินค้าใดๆที่เป็นอันตรายในการขนส่ง หากมีความเสียหายเกิดขึ้น ผู้ส่งจะต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญาแต่เพียงผู้เดียว
4.3. ผู้ขนส่งจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของการจัดส่งสินค้าต้องห้าม(ในข้อ 4.1)ทุกกรณี
5. สินค้าที่รับขนส่ง แต่ไม่คุ้มครองสินค้าเสียหาย
5.1. สินค้าต่อไปนี้ถือว่าเป็นสินค้ารับขนส่งแต่ไม่รับเคลมกรณีสินค้าเสียหาย (เคลมกรณีสินค้าสูญหายเท่านั้น)
5.1.1. สินค้าประเภทเสี่ยงเสียหายง่ายมีส่วนประกอบจากวัสดุเปราะบาง เช่น กระจก ขวดแก้ว เซรามิก หรือสินค้าที่มีรูปทรงพิเศษ
5.1.2. สินค้าประเภทที่มีการใช้แล้ว (สินค้ามือสอง)
5.1.3. สินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์
5.1.4. สินค้าประเภทเครื่องดนตรี
5.1.5. สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า
5.1.6. สินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
5.1.7. สินค้าประเภทอาหารสด ผัก ผลไม้ สินค้าเน่าเปื่อยง่าย หรือสินค้ามีอายุการจัดเก็บ
6. สินค้าที่รับขนส่งแต่ไม่คุ้มครองทุกกรณี
6.1. สินค้าประเภทต้นไม้และพันธุ์พืช ดอกไม้
7. เงื่อนไขด้านบรรจุภัณฑ์
7.1. ข้อกำหนด
7.1.1. สินค้าที่ยังไม่มีการแพ็คบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ไม่สามารถส่งได้
7.1.2. สินค้าที่มีขนาดต่างกันมัดรวมกันไม่สามารถจัดส่งได้ลูกค้าต้องแยกสินค้าส่งตามจำนวน ชิ้นที่มัดรวมกัน
7.1.3. ฟิล์ม บับเบิ้ลและกระดาษลูกฟูก ไม่นับว่าเป็นบรรจุภัณฑ์สินค้า
7.1.4. เลือกใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้าโดยต้องมีขนาดที่ เหมาะสมและรองรับน้ำหนักของสินค้าได้
7.1.5. หลีกเลี่ยงการใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการใช้งานเนื่องจากอาจส่งผลให้กล่องสินค้า แข็งแรงไม่เพียงพอ
7.1.6. หลีกเลี่ยงการต่อกล่องควรใช้บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับการขนส่งพัสดุที่มี ขนาดเหมาะสมกับสินค้าอย่างถูกวิธี
7.1.7. ควรใช้วัสดุกันกระแทกห่อหุ้มสินค้าทุกชิ้นและไม่ควรให้ภายในกล่องมีช่องว่าง หากมีช่องว่างสามารถใช้วัสดุป้องกันกระแทกใส่ตามช่องว่างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สินค้าในบรรจุภัณฑ์มีการเคลื่อนย้าย
7.1.8. สินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์พาเลทตัวสินค้าต้องไม่เกินออกมาจากพาเลทเนื่องจาก สินค้าอาจเกิดความเสียหายระหว่างขนส่ง
7.1.9. สินค้าประเภทผลไม้ ควรเลือกใช้กล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับผลไม้โดยเฉพาะ
7.1.10. บรรจุภัณฑ์ประเภทถุงกระสอบต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมมีความหนาและทน ทานไม่ฉีกขาดหรือเปื่อยยุ่ยง่าย สามารถรองรับน้ำหนักได้ และต้องเย็บปากกระสอบให้มิดชิด
7.1.11. การจัดส่งสินค้าทุกชิ้น มีความเสี่ยงสินค้าเสียหาย ผู้ส่งสินค้าต้องคำนึงถึงการแพ็คสินค้าและบรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่เหมาะสม
7.2. บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม
7.2.1. บรรจุภัณฑ์เเบบซอง
7.2.1.1. ซองกระดาษ : สำหรับใส่เอกสาร จดหมาย คูปอง บัตรกำนัล การ์ดหรือบัตรของขวัญต่างๆ
7.2.1.2. ซองกันน้ำ : สำหรับใส่เสื้อผ้าจำนวนน้อยชิ้นหรือสินค้าที่มีขนาดเล็กไม่เสี่ยงเสียหาย ง่าย
7.2.2. บรรจุภัณฑ์เเบบกล่อง
7.2.2.1. กล่องธรรมดาทั่วไป : สำหรับใส่สินค้าเเห้งทั่วไป ที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้มมาตรฐานของผู้ผลิต
7.2.2.2. กล่องผลไม้ : สำหรับ ผลไม้ กล่องมีลัษณะหนาเเข็งเเรงเเละมีการเจาะรูรอบกล่อง เพื่อระบายอากาศไม่ให้สินค้าเน่าเสียง่าย
7.3. ข้อแนะนำในการเลือกบรรจุภัณฑ์
7.4. ข้อแนะนำการแพ็คสินค้าทั่วไป
7.4.1. สินค้าประเภทเครื่องจักรหรือสินค้าที่มีรูปร่างพิเศษ
7.4.1.1. ตีลังไม้คลุมสินค้าทุกด้าน
7.4.1.2. ยึดสินค้าติดลังไม้เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่
7.4.2. สินค้าประเภทอะไหล่รถ
7.4.2.1. ห่อหุ้มสิ่งของด้วยวัสดุป้องกันการกระแทก ช่วยป้องกันสิ่งของไม่ให้แตกหักง่าย
7.4.2.2. เลือกใช้กล่องที่มีขนาดเหมาะสมและแข็งแรง
7.4.2.3. เติมวัสดุป้องกันการกระแทกแทนที่ช่องว่างภายในกล่อง เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทก
7.4.2.4. นำบรรจุลงในกล่องอีกชั้นหนึ่ง
7.4.3. สินค้าประเภทแตกเสียหายง่าย
7.4.3.1. ห่อหุ้มสิ่งของด้วยวัสดุป้องกันการกระแทก ช่วยป้องกันสิ่งของไม่ให้แตกหักง่ายพันด้วยเทปกาวให้แน่นหนา
7.4.3.2. เลือกใช้ขนาดกล่องที่เหมาะสมและแข็งแรง
7.4.3.3. เติมวัสดุป้องกันการกระแทกแทนที่ช่องว่างภายในกล่อง เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทก
7.4.4. สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
7.4.4.1. ใช้กล่องบรรจุภัณฑ์จากผู้ผลิตซึ่งภายในกล่องมีโฟมบล็อกป้องกันการสั่นสะเทือนและสินค้าในกล่องเคลื่อนที่ก่อนปิดผนึกตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ว่าง ภายในกล่องนั้นเติมเต็มช่องว่างจนหมด
7.4.4.2. กรณีที่ไม่มีกล่องบรรจุภัณฑ์จากผู้ผลิต ให้หากล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม
7.4.4.3. ห่อหุ้มสินค้าด้วยวัสดุป้องกันการกระแทกประมาณ 2 - 3 รอบ
7.4.4.4. เติมวัสดุป้องกันการกระแทกแทนที่ช่องว่างภายในกล่อง เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทก
7.4.5. สินค้าประเภทเครื่องดนตรี
7.4.5.1. ใช้กล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับประเภทเครื่องดนตรีโดยเฉพาะ หากไม่มีให้เลือกใช้กล่องที่มีขนาดเหมาะสมและมีความแข็งแรง
7.4.5.2. ห่อหุ้มสินค้าด้วยอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกประมาณ 2-3 รอบ โดยเฉพาะตรงคอกีตาร์ห่อให้หนากว่าปกติและใช้เทปปิดให้แน่นหนา
7.4.5.3. นำวัสดุป้องกันแรงกระแทกรองที่ก้นกล่องก่อนวางเครื่องดนตรี
7.4.5.4. เติมวัสดุป้องกันการกระแทกแทนที่ช่องว่างภายในกล่อง ให้แน่นหนาเพื่อไม่ให้เคลื่อนที่ได้ และช่วยป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทก
7.4.5.5. ทดลองเขย่ากล่องหากเครื่องดนตรีไม่มีการเคลื่อนที่ให้ปิดเทปให้แน่นหนา
7.4.6. สินค้าประเภทตู้ลำโพง
7.4.6.1. เลือกใช้กล่องที่มีขนาดเหมาะสมและแข็งแรง
7.4.6.2. ห่อหุ้มสินค้าด้วยอุปกรณ์ป้องกันการกระแทก
7.4.6.3. เติมวัสดุป้องกันการกระแทกแทนที่ช่องว่างภายในกล่อง เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทก
7.4.6.4. ปิดเทปให้แน่นหนา
7.4.7. สินค้าประเภทของเหลว
7.4.7.1. ตรวจสอบฝาปิดของบรรจุภัณฑ์ โดยต้องมีซีลพลาสติกห่อหุ้ม เพื่อป้องกันไม่ให้ฝาหลุดออกได้ง่าย
7.4.7.2. ห่อสินค้าด้วยวัสดุป้องกันการกระแทกทุกชิ้น ความหนาประมาณ 2 นิ้ว
7.4.7.3. บรรจุสินค้าลงในกล่อง โดยต้องใส่วัสดุป้องกันการกระแทกแทนที่ช่องว่างก่อนปิดเทป
8. เงื่อนไขการจัดส่งสินค้า
8.1. การจัดส่งจะถือว่าเสร็จสิ้น เมื่อสินค้าถูกจัดส่งไปยังที่อยู่ของผู้รับสินค้า ซึ่งระบุไว้ในใบนำส่งสินค้า
8.2. ในกรณีที่ผู้รับสินค้าไม่พร้อมรับสินค้าตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในใบนำส่งสินค้า ผู้ขนส่งอาจจัดส่งสินค้าให้กับบุคคลอื่น ณ ที่อยู่ของผู้รับสินค้า
8.3. กรณีที่ไม่มีผู้รับสินค้าปลายทาง หากได้รับการร้องขอจากผู้ส่งสินค้าหรือผู้รับสินค้า ผู้ขนส่งจะส่งตามที่ได้รับการร้องขอนั้นๆ
8.4. ผู้ขนส่งจะไม่ส่งสินค้าไปยังที่อยู่อื่นนอกเหนือจากที่อยู่ของผู้รับซึ่งระบุไว้ในใบนำส่งสินค้า เว้นแต่จะได้คำแนะนำจากผู้ส่งสินค้า ดังนั้นผู้รับสินค้าจะต้องติดต่อผู้ส่งสินค้าเพื่อขอข้อมูลดังกล่าว
9. เงื่อนไขการเก็บหลักฐานการจัดส่ง
9.1. ผู้ขนส่งจำเป็นต้องมีลายเซ็นจากผู้รับ และรูปภาพการส่งมอบสินค้าให้ผู้รับเพื่อเป็นหลักฐานการจัดส่ง
9.2. ในกรณีที่ชื่อของผู้รับไม่ตรงกับใบนำส่งสินค้า พนักงานจัดส่งต้องยืนยันตัวตนของผู้รับอย่างสมเหตุสมผล และจำเป็นต้องมีลายเซ็นของผู้รับดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานในการจัดส่ง
9.3. ในกรณีที่ไม่สามารถลงลายมือชื่อได้พนักงานจัดส่งสินค้าจะเขียนเป็นหมายเหตุไว้ เพราะบางครั้งอาจจะมีความจำเป็นไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ เช่น กรณีเกี่ยวกับร่างกายหรือสุขภาพของผู้รับ และกรณีที่มีสถานะการโรคติดต่อ ทางผู้ขนส่งมีการปรับรูปแบบการเก็บหลักฐานการจัดส่งเป็นพิมพ์บันทึกข้อมูลผู้รับหรือผู้รับแทน
10. เงื่อนไขสินค้าจัดส่งไม่สำเร็จ
10.1. อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆดังต่อไปนี้
10.1.1. ติดต่อผู้รับสินค้าไม่ได้ (ปิดเครื่อง ปิดทำการ เบอร์โทรผิด)
10.1.2. ผู้รับสินค้าปฏิเสธรับหรือปฏิเสธการจ่ายเงินเรียกเก็บปลายทาง(COD)
10.1.3. ผู้ส่งสินค้าแจ้งระงับการจัดส่ง
10.1.4. ไม่สามารถระบุหรือบอกตำแหน่งของผู้รับสินค้าได้ชัดเจน
10.2. ไม่มีบุคคลที่เหมาะสมรอรับสินค้าตามที่อยู่ของผู้รับสินค้าได้
10.3. สินค้าที่รอดำเนินการจากผู้รับสินค้าหรือผู้ส่งสินค้า ได้แก่
10.3.1. การยืนยันข้อมูลที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อ
10.3.2. สินค้ารับเองที่จุดบริการ
10.3.3. สินค้าเลื่อนการจัดส่ง
10.4. เหตุสุดวิสัย เช่น ภัยธรรมชาติ รัฐประหาร การก่อกบฏ สงคราม เป็นต้น
10.5. กรณีจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จในครั้งแรกผู้ขนส่งจะพยายามจัดส่งสินค้าให้ซ้ำอีก 2 ครั้ง
11. เงื่อนไขสินค้าจัดส่งล่าช้า
11.1. การจัดส่งล่าช้า หมายถึง ผู้ขนส่งได้จัดส่งสินค้าให้กับผู้รับสินค้าสำเร็จตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ในใบนำส่ง แต่เกินระยะเวลาการจัดส่งที่กำหนด
12. เงื่อนไขสินค้าส่งคืน
12.1. สาเหตุการส่งสินค้าคืน
12.1.1. ผู้รับสินค้าปฎิเสธรับสินค้า
12.1.2. ผู้ขนส่งจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ 3 ครั้ง
12.1.3. ผู้ส่งสินค้าไม่สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามคำขอของผู้ขนส่ง
12.1.4. ผู้ส่งสินค้าขอยกเลิกการจัดส่งหรือส่งคืนสินค้าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
12.1.5. สินค้าที่ผู้รับสินค้ามารับด้วยตัวเองเกิน 7 วัน
12.2. สินค้าส่งคืนจะถูกส่งกลับไปให้ผู้ส่งสินค้า โดยผู้ส่งสินค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งสินค้ากลับ
12.3. ผู้ส่งสินค้าไม่สามารถขอคืนค่าธรรมเนียมการจัดส่งทั้งหมดและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้
12.4. สินค้าอาจถูกส่งไปยังที่อยู่ของผู้ส่งสินค้าโดยตรง หรือถูกส่งไปยังจุดบริการของผู้ขนส่ง ซึ่งผู้ส่งสินค้าเป็นผู้กำหนด
12.5. ผู้ส่งสินค้าต้องติดต่อเข้ารับสินค้าคืน ณ จุดบริการที่ผู้ส่งสินค้ากำหนด โดยผู้ขนส่งจะติดต่อผู้ส่งสินค้าในวันที่สินค้ามาถึง และผู้ส่งสินค้าจะต้องติดต่อรับสินค้าทั่วไปภายใน 30 วันทำการภายใน 7 วันทำการ (หลังผู้ขนส่งแจ้ง) หากไม่เข้ารับภายในระยะเวลาที่กำหนด กรรมสิทธิ์ของสินค้าจะตกเป็นของผู้ขนส่ง โดยผู้ขนส่งมีสิทธิ์ทำลายหรือขายทอดตลาดได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ
13. เงื่อนไขค่าจัดส่งและค่าใช้จ่ายอื่น
13.1. ผู้ส่งสินค้าจะต้องเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมการจัดส่งและคำนวณตามวิธีการต่อไปนี้
13.2. การเปรียบเทียบขนาดของสินค้า (ผลรวมของความยาว+ความกว้าง+ความสูง) และน้ำหนักสำหรับวิธีนี้ขนาดและน้ำหนักที่แตกต่างกันจะมีช่วงราคาต่างกันและค่าจัดส่งสินค้าที่
เกิดขึ้นจริงขึ้นอยู่กับช่วงราคาของขนาดหรือน้ำหนัก แล้วแต่จำนวน
13.3. นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าบริการเพิ่มความคุ้มครองสินค้า มากกว่าค่าเสียหายพื้นฐานที่บริษัทฯกำหนด ค่าส่งคืนสินค้า ค่าบริการพื้นที่พิเศษ ฯลฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
14. เงื่อนไขบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
14.1. ผู้ส่งสินค้าเลือกบริการเก็บเงินปลายทาง ต้องชำระค่าบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
14.1.1. โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.5% ไม่มีขั้นต่ำ
14.1.2. หากจัดส่งไม่สำเร็จ ผู้ส่งสินค้าไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม แต่ต้องชำระค่าขนส่งสินค้ากลับคืนให้ผู้ส่ง
15. เงื่อนไขการแก้ไขที่อยู่และเส้นทางการจัดส่งใหม่
15.1. หากผู้ส่งสินค้าไม่สามารถให้ที่อยู่จัดส่งทั้งหมดหรือที่อยู่ที่ถูกต้องของผู้รับสินค้าได้ ผู้ขนส่งจะพยายามติดต่อผู้ส่งสินค้าหรือผู้รับสินค้า เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
15.2. หากการเปลี่ยนแปลงที่อยู่จัดส่งข้ามพื้นที่ ผู้ส่งสินค้าและผู้รับสินค้าต้องตกลงกันในการรับผิดชอบชำระค่าบริการเพิ่มเติม
16. เงื่อนไขสินค้าที่ถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ
16.1. ผู้ส่งสินค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึง ข้อบังคับที่กรมศุลกากรได้กำหนดไว้
16.2. ในกรณีสินค้าเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย หรือผิดกฎหมาย ผู้ขนส่งจะติดต่อผู้ส่งเพื่อขอเปิดและตรวจสอบพัสดุ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการจัดส่งสินค้า
16.3. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องการเปิดและตรวจ สอบสินค้า ทางผู้ขนส่งจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ หากเจ้าหน้าที่ต้องการเปิดตรวจสินค้าโดยไม่จำเป็นต้องต้องแจ้ง
ให้ผู้ส่งสินค้าหรือผู้รับสินค้าได้ทราบล่วงหน้า
16.4. ตามหัวข้อ (16.3) กรณีที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ทำการเปิดตรวจสินค้าของลูกค้า ทางเราขอสงวนสิทธิ์ตามหัวข้อดังนี้
16.4.1. บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากพัสดุเกิดความเสียหายในระหว่างการตรวจสอบ
16.4.2. สินค้าที่ถูกเปิดตรวจจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามประกันค่าคุ้มครองสินค้า
16.4.3. สินค้าที่ถูกเปิดตรวจและโดนยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่รัฐหรือเจ้าหน้าที่ ศุลกากร ลูกค้าจะต้องเป็นคนติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสำแดงเอกสารหรือข้อมูลยืนยันที่มาที่ไป ของสินค้าแก่เจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง
16.4.4. สินค้าที่ถูดยึดและถูกปล่อยโดยกรมศุลกากร ผู้ขนส่งจะไปรับสินค้ากับทางเจ้าหน้าที่และดำเนินการส่งยังปลายทางต่อไป
17. เงื่อนไขสถานการณ์นอกเหนือการควบคุมของผู้ขนส่ง
17.1. ผู้ขนส่งไม่รับผิดชอบต่อความสูญหายหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่อยู่นอก เหนือการควบคุม หรือเหตุสุดวิสัย เช่น สงคราม (ทั้งที่ประกาศหรือไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ) รัฐประหาร การก่อกบฏ การปฏิวัติ การก่อการร้าย การจับตัวประกัน เหตุระเบิด หรือการใช้อาวุธสงครามหรือปฏิกิริยาตอบโต้การ กระทำเหล่านี้ รวมทั้งการยึดสินค้า ภัยธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุ ฯลฯ)
18. เงื่อนไขการคืนเงินค่าขนส่งสินค้า
18.1. ผู้ขนส่งจะคืนเงินค่าขนส่งให้กับผู้ส่งสินค้า ในกรณีที่สินค้ายังไม่ถูกดำเนินการตามกระบวนการขนส่งของผู้ขนส่ง หากสินค้าได้ถูกดำเนินการตามกระบวนการขนส่ง ผู้ขนส่งขอสงวนการคืนเงินให้แก่ผู้ส่งทุกกรณี
18.2. สินค้าที่ถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ ไม่สามารถขอเงินค่าขนส่งสินค้าคืนได้
19. เงื่อนไขการชดใช้ค่าเสียหาย
19.1. ผู้ขนส่งจำกัดความรับผิดชอบเฉพาะมูลค่าสินค้าเท่านั้น
19.2. ผู้ขนส่งขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าขนส่งสินค้า
19.3. ผู้ขนส่งจำกัดความรับผิดชอบ มูลค่าสินค้าสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ใบนำส่งสินค้า ยกเว้นการระบุข้อตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้ส่งและผู้ขนส่ง
19.4. สินค้าประเภทรถมอเตอร์ไซด์ ผู้ขนส่งจำกัดรับผิดชอบ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อ 1 ใบนำส่งสินค้า
19.5. หากมีการเพิ่มประกันความคุ้มครอง จะรับผิดชอบมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทต่อ 1 ใบนำส่งสินค้า
19.6. ผู้ขนส่งจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือสูญหายต่อสินค้าต้องห้ามหรือสินค้าที่ไม่รับขนส่งทุกกรณี
19.7. ผู้ขนส่งจะไม่รับผิดชอบภายใต้สถานการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าในการขนส่ง
อันเนื่องมาจากรถเสีย รถเกิดอุบัติเหตุ การจลาจล ประท้วง จี้ปล้น ภัยธรรมชาติ สินค้าที่เสื่อมสภาพได้โดยตัวสินค้าเอง หรือเหตุสุดวิสัย ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
20. การยื่นเคลม
20.1. การเรียกร้องในกรณีที่เกิดความเสียหายหรือสินค้าสูญหาย ผู้ส่งแจ้งเคลมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้ขนส่ง ภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้
20.1.1. สินค้าประเภททั่วไป ให้ยื่นเคลม ภายใน 3 วันหลังจากรับสินค้า
20.2. ผู้ขนส่งจะชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ส่งเท่านั้น กรณีผู้รับต้องการยื่นเคลมให้ผู้รับประสานงานผู้ส่งเป็นผู้ทำรายการยื่นเคลมแทน
20.3. ช่องทางการเคลม
20.3.1. ยื่นเคลมผ่านหน้าเว็ปไซค์ https://www.nimexpress.com
20.3.2. การยื่นเคลม ต้องแจ้งรายละเอียดและแนบหลักฐานดังนี้
20.3.2.1. ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อและอีเมล ผู้ทำเรื่องเคลม
20.3.2.2. หลักฐานเอกสารแสดงมูลค่า เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ บันทึกการทำธุรกรรมของธนาคารพร้อมโฆษณาบนเว็บไซต์ เป็นต้น
20.3.2.3. หลักฐาน รูปภาพสินค้าที่ได้รับความเสียหาย ทั้งภายใน และภายนอกรวมถึงวัสดุและวิธีบรรจุหีบห่อ
20.4. การเคลมสินค้าจำกัดเพียงหนึ่งคำร้องเท่านั้น
20.5. เมื่อผ่านการพิจารณา ผู้ส่งสินค้าหรือผู้รับสินค้าต้องส่งเอกสารผ่าน website ดังต่อไปนี้
20.5.1. กรณียื่นเคลมในนามบุคคล
20.5.1.1. สำเนาบัตรประชาชน (หากเป็นชาวต่างชาติให้ใช้หนังสือเดินทาง)
20.5.1.2. สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ชื่อตรงกับผู้ที่เรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายหรือสูญหาย
20.5.2. กรณียื่นเคลมในนามนิติบุคคล
20.5.2.1. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (ไม่เกิน 1 เดือน)
20.5.2.2. สําเนาบัตรประจําตัวประชาชนผู้มีอํานาจลงนาม (ในหนังสือรับรอง)
20.5.2.3. สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ชื่อตรงกับผู้ที่เรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายหรือสูญหาย
20.6. กรณีสินค้าเสียหาย ผู้แจ้งเคลมจะต้องเก็บสินค้าไว้จนกว่ากระบวนการพิจารณาเคลมจะเสร็จสิ้น หากได้รับอนุมัติการเคลมเรียบร้อยผู้ขนส่งมีสิทธิในการเรียกคืนสินค้าทุกกรณี
20.7. ผู้ขนส่งขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกคืนสินค้าที่ได้รับความเสียหายจากผู้รับหรือผู้ส่งตามเงื่อนไขการชดเชย
21. การพิจารณาความคุ้มครอง
21.1. ขอสงวนสิทธิ์ไม่คุ้มครองต่อการแจ้งข้อมูลสินค้าสำแดงเป็นเท็จ
21.2. ขอสงวนสิทธิ์ไม่คุ้มครองสินค้าประเภทสินค้าต้องห้าม (ข้อ 4)
21.3. ขอสงวนสิทธิ์ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อสินค้าที่รับขนส่ง แต่ไม่รับเคลมกรณีสินค้าเสียหาย
(ข้อ 5) แต่คุ้มครองกรณีสินค้าสูญหายเท่านั้น
21.4. พิจารณาจากการเลือกประเภทบรรจุภัณฑ์ต้องเหมาะสมและแข็งแรง
21.5. พิจารณาจากสภาพบรรจุภัณฑ์ที่ส่งถึงให้ผู้รับหรือผู้ส่ง
21.6. พิจารณาจากแพ็คเกจสินค้าต้องไม่เสี่ยงต่อการเสียหายได้ง่าย
21.7. พิจารณาจากการแพ็คสินค้าภายในบรรจุภัณฑ์ต้องไม่มีช่องว่าง
21.8. บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมอาจสร้างความเสียหายให้กับสินค้าชิ้นอื่นได้ ผู้ขนส่งอาจยุติการจัดส่งโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าโปรดศึกษาข้อกำหนดและเงื่อนไขการรับสินค้า
อย่างถี่ถ้วนเมื่อเกิดความเสียหายต่อสินค้าหรือทำให้สินค้า อื่นๆเสียหาย/เลอะเปื้อน ผู้ส่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย
22. กฎหมายที่บังคับใช้
ข้อตกลงและเงื่อนไขจะอยู่ภายใต้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยและคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใต้
เขตอำนาจศาลแห่งราชอาณาจักรไทยโดยไม่อาจเพิกถอนได้